สรุปยุทธศาสตร์ภาษี อาวุธทางเศรษฐกิจของทรัมป์ 2.0 สู่ผลกระทบการค้าทั่วโลก

25 กุมภาพันธ์ 2568
สรุปยุทธศาสตร์ภาษี อาวุธทางเศรษฐกิจของทรัมป์ 2.0 สู่ผลกระทบการค้าทั่วโลก

แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์ปี 2025 จะสร้างแรงกระเพื่อมให้เศรษฐกิจโลกอย่างไร? วิเคราะห์มาตรการภาษีใหม่ ผลกระทบต่อจีน แคนาดา เม็กซิโก และแนวโน้มสงครามการค้าในอนาคต

ภาษีศุลกากร (Tariffs) คือภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่นำเข้าสินค้าจะต้องจ่ายให้รัฐบาล โดยทั่วไปคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าของสินค้า ตัวอย่างเช่น ภาษี 10% หมายความว่าหากสินค้าราคา 10 ดอลลาร์ จะต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 1 ดอลลาร์ ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้อาจถูกผลักไปยังผู้บริโภคในรูปแบบราคาสินค้าที่สูงขึ้น

โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้งและกำลังเดินหน้าใช้ภาษีศุลกากรเป็นอาวุธหลักในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิด "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) โดยเชื่อว่าการตั้งกำแพงภาษีจะช่วยกระตุ้นการผลิตในประเทศและปกป้องแรงงานสหรัฐฯ จากการแข่งขันของสินค้าต่างชาติ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้เหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ โดยอ้างว่าภาษีศุลกากรจะช่วยป้องกันปัญหาการอพยพผิดกฎหมาย การไหลเวียนของยาเสพติด เช่น เฟนทานิล (Fentanyl) จากจีนและเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ รวมถึงการตอบโต้ประเทศที่มีนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายนี้มักถูกผลักภาระไปยังผู้บริโภคในรูปแบบของราคาสินค้าที่สูงขึ้น ทำให้ภาษีศุลกากรส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ตั้งแต่ต้นทุนการผลิตไปจนถึงค่าครองชีพของประชาชน

ภาษีทำงานอย่างไร และมีผลกระทบต่อใครบ้าง?

ในทางเศรษฐศาสตร์ "ภาษีศุลกากร" อาจช่วยสร้างรายได้ให้รัฐบาลและกระตุ้นอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่ก็อาจสร้างภาระให้ธุรกิจที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบและสินค้านำเข้า อีกทั้งยังอาจกระตุ้นให้เกิดสงครามการค้า เมื่อประเทศคู่ค้าตอบโต้ด้วยภาษีของตนเอง

ตัวอย่างในอดีตแสดงให้เห็นว่า ภาษีศุลกากรที่ โดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้ระหว่างปี 2018-2019 ส่งผลให้ราคาสินค้าหลายประเภทสูงขึ้น เช่น เครื่องซักผ้าในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 34% หลังจากที่มีการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ

การศึกษาจากหน่วยงานวิจัยทางเศรษฐกิจหลายแห่งยังพบว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์ในอดีตส่งผลกระทบต่อ GDP ของสหรัฐฯ ในทางลบ ลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และทำให้การจ้างงานลดลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

เหตุใดทรัมป์จึงเลือกใช้ภาษีศุลกากร?

ทรัมป์มีแนวคิดว่า ภาษีศุลกากรสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้โดยการลดการพึ่งพาสินค้านำเข้าและสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ เป้าหมายหลักของทรัมป์ในการเรียกเก็บภาษีคือ:

ปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ ทรัมป์เชื่อว่าการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจะช่วยให้บริษัทอเมริกันแข่งขันได้ดีขึ้น

เพิ่มรายได้ให้รัฐบาล การเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ของสหรัฐฯ

ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว ทรัมป์ยังใช้ภาษีเป็นเครื่องมือกดดันประเทศอื่น เช่น จีน เม็กซิโก และแคนาดา ในประเด็นเกี่ยวกับนโยบายการค้าและความมั่นคง

มาตรการใหม่ ภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียมปี 2025

ในวันที่ 12 มีนาคม 2025 สหรัฐฯ จะเริ่มใช้ภาษีศุลกากร 25% กับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น เทียบกับมาตรการเดิมในปี 2018 ที่ทรัมป์เคยเรียกเก็บภาษี 25% กับเหล็กและ 15% กับอะลูมิเนียม แต่มีการให้ข้อยกเว้นกับบางประเทศ

ใครได้รับผลกระทบ?

สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าเหล็กอันดับหนึ่งของโลก โดยมี แคนาดา บราซิล และเม็กซิโกเป็นซัพพลายเออร์หลัก อุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กและอะลูมิเนียม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง และผู้ผลิตเครื่องจักรกล อาจเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น บริษัทสหรัฐฯ ที่พึ่งพาวัตถุดิบเหล่านี้ อาจต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อรักษาผลกำไร

การประกาศภาษีดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล็กในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ต้องใช้เหล็กและอะลูมิเนียมในการผลิตสินค้าเริ่มแสดงความกังวลถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

สงครามการค้ากับจีน แคนาดา และเม็กซิโก

จีน

สหรัฐฯ เริ่มเรียกเก็บภาษี 10% กับสินค้าจีนทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 ยกเว้นสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์

ด้านจีนตอบโต้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 ด้วยการเก็บภาษี 15% กับสินค้าสหรัฐฯ เช่น ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ และ 10% กับน้ำมัน เครื่องจักรการเกษตร และรถยนต์ ส่วนผลกระทบต่อสหรัฐฯ คือ อุตสาหกรรมพลังงานอาจเผชิญยอดขายที่ลดลง เนื่องจากจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐฯ

แคนาดา

แคนาดาเป็นซัพพลายเออร์หลักของเหล็กและอะลูมิเนียมที่สหรัฐฯ ใช้ และยังส่งออกสินค้าเกษตร พลังงาน และสินค้าบริโภคไปยังสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก

ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษี 25% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากแคนาดาตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 แต่เลื่อนออกไป 30 วันเพื่อต่อรองข้อตกลงใหม่

เม็กซิโก

ทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษี 25% กับเม็กซิโกออกไปหนึ่งเดือน และรัฐบาลเม็กซิโกตอบโต้ด้วยการส่งกองกำลัง 10,000 นายไปยังชายแดนเพื่อควบคุมการลักลอบค้ายา

ผลกระทบทางเศรษฐกิจของภาษีศุลกากรปี 2025

GDP สหรัฐฯ อาจลดลง มีการคาดการณ์ว่าการเก็บภาษีจากจีน คาดว่าทำให้ GDP สหรัฐฯ หดตัว 0.1% ภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโกอาจทำให้ GDP ลดลงอีก 0.3%

อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบหนัก การผลิตรถยนต์ต้องใช้ชิ้นส่วนจากหลายประเทศ ราคาต่อคันอาจเพิ่มขึ้นถึง 3,000 ดอลลาร์ และอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก

อัตราเงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้น นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้นจาก 2.9% เป็น 4% ด้านราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และพลังงาน อาจปรับตัวสูงขึ้น

แม้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะกล่าวว่าภาษีศุลกากรช่วยปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่บทเรียนจากอดีตแสดงให้เห็นว่า ภาษีอาจก่อให้เกิดผลเสียได้เช่นเดียวกับผลดี

ผลกระทบต่อผู้บริโภค สินค้านำเข้าราคาสูงขึ้น กระทบค่าครองชีพ

ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ บริษัทที่พึ่งพาสินค้านำเข้าอาจเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.